Explorer one Team

บริษัท เอ็กซ์พลอเรอร์วัน จำกัด ก่อตั้งโดย อนุกูล สอนเอก นักสำรวจวิจัยทางภูมิศาสตร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมปีนเขาเอเวอร์เรสต์ปี 2007 ตั้งขึ้นมาจากประสบการณ์ทำงานและประสบการณ์ผจญภัยที่หลากหลาย พวกเราพร้อมนำท่านเข้าสู่โลกผจญภัย กิจกรรมกลางแจ้งและการสำรวจทางธรรมชาติวิทยา Explorer One Team คือแหล่งรวมผู้เชี่ยวชาญด้านสำรวจถ้ำ ปีนหน้าผา การพายคยัคล่องแก่ง การใช้ชีวิตในป่ารวมไปถึงการสำรวจทางภูมิศาสตร์ การใช้แผนที่และเ็ข็มทิศ อีกทั้งยังดำเนินงานให้การอบรมในศูนย์ฝึกทักษะการผจญภัยแขนงต่าง ๆ รวมไปถึงการกู้ภัยพิเศษประเภทต่าง ๆอาทิการกู้ภัยทางน้ำ หน้าผาสูง ในถ้ำ หรือแม้แต่การร่วมปฏิบัติงานกู้ภัยในป่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ยืนยันถึงความชำนาญกว่า 18 ปีบนเส้นทางสายนี้

10/5/54

มารู้จักการสำรวจถ้ำกันดีกว่า.....

โดย อนุกูล สอนเอก
Adventure Specialist
Speleologist , Thailand Caving Club

ถ้ำคืออะไร…..สำคัญอย่างไร

เมื่อน้ำฝนที่ตกลงมารวมตัวกับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศทำให้มีสภาพเป็นกรดอ่อน ๆ หรือที่เราเรียกกันว่ากรดคาร์บอนิค มีคุณสมบัติสามารถละลายหินปูน(Limestone)หรือหินที่อยู่ในกลุ่มแคลคาร์เรียสได้ดี  เมื่อน้ำฝนที่ตกลงมาบางส่วนซึมและใต้ดินและไหลบ่ามาตามหน้าดินมารวมกันกลายเป็นทางน้ำขนาดใหญ่  ส่วนที่ไหลซึมลงใต้ดินจะได้รับการเติมคาร์บอนไดออกไซด์จากกิจกรรมการย่อยสลายของซากพืชซากสัตว์ของจุลินทรีย์เล็ก ๆ ในดิน 
น้ำที่ซึมลงไปรวมกันเกิดเป็นระดับน้ำใต้ดิน  รอการไหลซึมลงตามรอยแตก(joint)ของหินปูนและทำการละลายหินปูนจนเกิดเป็นโพรงถ้ำขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ  เมื่อระดับน้ำใต้ดินลดระดับลง  ทำให้เกิดช่องว่างอากาศภายในถ้ำขึ้น  น้ำภายในจะเริ่มไหล  ระดับน้ำใต้ดินจะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดปี  และเริ่มกระบวนการพัฒนาของโถงถ้ำโดยใช้กระบวนการกษัยการ(Erosion)ควบคู่กับกระบวนการละลาย (Solution)การพัดพาตะกอนขนาดเล็กขัดสีพื้นถ้ำและผนังถ้ำ  ทำให้ระดับพื้นถ้ำต่ำลงเรื่อย ๆ   

ในขณะเดียวกันน้ำที่ซึมมาตามรอยแตกของหินจากเพดานถ้ำและผนังถ้ำก็มีการสะสมตัวของตะกอนหินปูน(Calciamcarbonate)โดยการที่น้ำใต้ดินมีสวนผสมของสารละลายแคลเซียมไบคาร์บอเนตปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาทำให้แคลเซียมที่อยู่ในสารละลายเริ่มตกตะกอนและจับตัวกันอีกครั้งเกิดรูปทรงที่แปลกตาของตะกอนภายในถ้ำที่เรารู้จักกันดีในชื่อของหินงอก(stalacmite)หินย้อย(Stalagtite)  รูปลักษณะของหินงอกหินย้อยจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับ สถานที่  กระบวนการเกิด  ความเหมาะสมของสภาพแวดล้อมในบริเวณต่าง ๆ ภายในถ้ำ  ฯลฯ
เมื่อถ้ำมีการพัฒนาของโถงใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ เพดานด้านบนจะเริ่มรับน้ำหนักไม่ไหวก็จะมีการถล่มของโถงถ้ำเกิดอาจเกิดเป็นช่องเปิดที่เป็นช่องทางเชื่อมต่อกับภายนอก กลายเป็นปากถ้ำหรือการถล่มบางครั้งจะไม่สามารถสร้างช่องทางเชื่อมต่อได้แต่สามารถทำให้เกิดลักษณะภูมิประเทศเฉพาะตัวบนพื้นโลกที่เกิดชึ้นในลักษณะภูมิประเทศคาร์สต(Karst)ก็คือ  แอ่งยุบ(Doline) 
ตามเส้นทางน้ำขนาดใหญ่ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่สามารถสร้างเส้นทางเชื่อมต่อกับถ้ำต่างๆ เกิดเป็นโถงถ้ำที่ซับซ้อน  สร้างปากถ้ำหรือเส้นทางเชื่อมต่อกับโลกภายนอก 
หลังจากนั้นสิ่งมีชีวิตเริ่มเข้ามาอาศัยปากถ้ำเป็นที่หลบภัย  หากิน  หรือใช้เป็นที่อยู่อาศัย  บางชนิดหลงเข้าไปลึก ๆ ถ้าสามารถวิวัฒนาการและปรับตัวได้ก็เกิดเป็นสายพันธ์ใหม่ๆ ที่มีลักษณะเฉพาะ  อวัยวะบางอย่างหายไปเช่น  ตา ฯลฯ หรือการเพิ่มประสาทสัมผัสพิเศษเพิ่มเติมเพื่อให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมที่จำกัดได้  
ผู้ที่ทำงานเพื่อการสำรวจวิจัยถ้ำ ค้นหาเส้นทางและทำแผนที่โครงข่ายถ้ำใต้ดิน เก็บข้อมูลเพื่อทำความเข้าใจในกระบวนการเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศทั้งภายในและภายนอกถ้ำ  รวมไปถึงการไขปริศนาต่าง ๆ ภายในโลกใต้พิภพที่มืดสนิทไร้แสงสว่างและสิ่งนำทาง  เราเรียกคนที่ทำงานเหล่านี้ว่า  ”นักวิจัยถ้ำหรือนักถ้ำวิทยา (Speleologist) ”  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ทุกความคิดเห็นของท่านจะถูกนำไปใช้ในการปรับปรุง web ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น