Explorer one Team

บริษัท เอ็กซ์พลอเรอร์วัน จำกัด ก่อตั้งโดย อนุกูล สอนเอก นักสำรวจวิจัยทางภูมิศาสตร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมปีนเขาเอเวอร์เรสต์ปี 2007 ตั้งขึ้นมาจากประสบการณ์ทำงานและประสบการณ์ผจญภัยที่หลากหลาย พวกเราพร้อมนำท่านเข้าสู่โลกผจญภัย กิจกรรมกลางแจ้งและการสำรวจทางธรรมชาติวิทยา Explorer One Team คือแหล่งรวมผู้เชี่ยวชาญด้านสำรวจถ้ำ ปีนหน้าผา การพายคยัคล่องแก่ง การใช้ชีวิตในป่ารวมไปถึงการสำรวจทางภูมิศาสตร์ การใช้แผนที่และเ็ข็มทิศ อีกทั้งยังดำเนินงานให้การอบรมในศูนย์ฝึกทักษะการผจญภัยแขนงต่าง ๆ รวมไปถึงการกู้ภัยพิเศษประเภทต่าง ๆอาทิการกู้ภัยทางน้ำ หน้าผาสูง ในถ้ำ หรือแม้แต่การร่วมปฏิบัติงานกู้ภัยในป่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ยืนยันถึงความชำนาญกว่า 18 ปีบนเส้นทางสายนี้

14/5/54

นักสำรวจถ้ำ 1

นักสำรวจถ้ำ

อนุกูล สอนเอก

นับตั้งแต่มนุษย์คนแรกได้ขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์  การสนใจใคร่รู้ของมนุษย์ได้ขยายขอบเขตไปอย่างกว้างขวางไม่มีที่สิ้นสุด  มันเป็นความต้องการเรียนรู้และทำความรู้จักกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ตัว  นักวิทยาศาสตร์แขนงต่าง ๆ ได้พยายามทำการสำรวจทำความเข้าใจกับกลไกลการเปลี่ยนแปลงอันสลับซับซ้อนของโลกและธรรมชาติอันหลากหลาย
. โลกหนึ่งที่อยู่นอกเหนือจากการคาดคิดและคาดเดาของมนุษย์  โลกที่ลึกลงไปใต้ชั้นหินและพื้นดินนับเป็นร้อยเป็นพันฟุต  โลกที่ธรรมชาติมิได้สร้างให้มนุษย์สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้  มีเพียงสิ่งมีชิวิตบางชนิดและพวกจุลชีพเท่านั้นที่สามารถดำรงอยู่และวนเวียนอยู่ในนั้นไม่รู้จักจบสิ้น
มันคือแหล่งที่บันทึกความเป็นมาและการเปลี่ยนแปลงของโลกอย่างเงียบ ๆ สิ่งมีชีวิตหลายชนิดมีวิวัฒนาการในแนวทางที่เป็นไปไม่ได้  ไม่มีตา  ไม่มีสี  มีประสาทสัมผัสที่ว่องไวที่เอื้อให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ในภาพแวดล้อมที่จำกัดได้  นับว่าเป็นของขวัญของธรรมชาติที่ประทานให้โดยแท้
ก้าวย่างของมนุษย์คนแรกที่ประทับไว้ใต้พิภพ  อาจจะเทียบความสำคัญไม่ได้กับก้าวย่างแรกบนด้วยจันทร์  แต่คุณค่าของมันอยู่ที่การก้าวล่วงเข้าไปยังดินแดนที่มนุษย์ยังไม่รู้จักและเป็นย่างก้าวแรกของการศึกษาทำความเข้าใจในอาณาจักรใต้พิภพ

·         ปฐมบท
วันหนึ่งในช่วงปลายฤดูฝนปี  2535
ฝนตกมาตั้งแต่เช้า หลังจากพวกเราเตรียมอุปกรณ์บางอย่างที่จำเป็น ก็เริ่มออกเดินไปตามทางเดินเล็ก ๆ ลัดเลาะตามริมน้ำ  วันนี้เป็นวันแรกของการทำงานสำรวจที่ผมหนักใจมากที่สุดในชีวิต
ด้านหน้าของพวกเราคือปากถ้ำที่มีขนาดมหึมามันคือเส้นแบ่งระหว่างโลกของแสงสว่างและโลกของความมืด  หลังจากที่เราเดินผ่านปากถ้ำเข้ามาสักระยะหนึ่งและหันมองกลับไปจะเห็นปากถ้ำมีขนาดเล็กนิดเดียว  ยิ่งเดินลึกเข้าไปแสงสว่างยิ่งน้อยลง ๆ ราวกับเป็นเขตสิ้นสุดของมัน  ความมืดที่ครอบคลุมอยู่รอบตัว  ความกลัวในจิตใจต่างสร้างภาพหลอนไปต่าง ๆ นานา  รอบตัวคล้ายมีบางสิ่งคอยจ้องมองอยู่  สัตว์ร้ายที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด มันหัวเราะยินดีราวกับเห็นอาหารอันโอชะและรอเวลาเข้ามากัดกินอย่างหิวกระหาย
ความเวิ้งว้างและความเงียบที่ไร้สรรพเสียงใด ๆ   อากาศที่อึดอัดผสมกับกลิ่นเหม็นเอียน ๆ ที่ฉุนจนขึ้นจมูก ทุกอย่างที่ผมสัมผัสมิใช่โลกที่ผมคุ้นเคยมาก่อน  ผมรู้สึกว่าที่นี่คงเป็นที่เดียวบนโลกที่ไม่มีกลางวันและกลางคืน  มีแต่เพียงความมืดอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
นั่นเป็นประสบการณ์การสำรวจถ้ำและความรู้สึกครั้งแรกที่ผมสัมผัสได้  และผมคิดว่าคนอื่น ๆ ที่เข้าถ้ำครั้งแรกคงจะรู้สึกอย่างเดียวกับผม  การเดินทางในครั้งนั้นนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงการทำงานในชีวิตของผมจนถึงทุกวันนี้ 
ชีวิตประจำวันของผมอยู่ในโลก  โลกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง  โลกหนึ่งเป็นโลกปรกติที่คุณสามารถสัมผัสกับมันได้รอบ ๆ ตัว แสงแดดสีทองในยามเช้า  ต้นไม้ใบหญ้าที่ดูร่มรื่น  อากาศที่มีกลิ่นไอบาง ๆ ของหญ้าแห้งและกลิ่นดินที่หอมชื่นใจเมื่อฝนโปรยปรายลงมา  ผู้คนและรถราที่วิ่งกันขวักไขว่เต็มท้องถนน  
ส่วนชีวิตในอีกโลกหนึ่งของผมอาจจะอยู่นอกเหนือการรับรู้ของคนทั่วไป สำหรับที่นี่เวลาคล้ายกับจะหยุดนิ่ง  ไม่มีกลางวัน กลางคืน  วันนี้ก็เหมือนกับเมื่อวาน  พรุ่งนี้หรืออีกพันปี  หมื่นปีข้างหน้า  ถ้ำส่วนใหญ่เป็นโลกที่ปราศจากแสง  ต้นไม้ที่ผมเห็นในถ้ำเป็นเพียงเศษซากที่ถูกน้ำพัดมาทับถมและเน่าเปื่อย กลิ่นถ้ำเป็นกลิ่นเย็น ๆ เจือจางด้วยกลิ่นใบไม้เน่าและขี้ค้างคาว  มีเพียงความเงียบและสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ เท่านั้นที่เป็นเพื่อน 
ในวันนี้ความรู้สึกของผมทุกครั้งที่ได้กลับคืนสู่ถ้ำมีความรู้สึกไม่ต่างจากการกลับบ้าน  ความมืดและความเงียบทำให้รู้สึกถึงความสงบและอบอุ่นอย่างประหลาด  กลิ่นต่าง ๆ ภายในถ้ำกลับกลายเป็นสิ่งที่คุ้นเคย  ถ้ำกับผมไม่ใช่เป็นสิ่งแปลกปลอมของกันและกันอีกต่อไป
 “ทำไมต้องสำรวจถ้ำ”  เป็นคำถามที่มักเกิดขึ้นเสมอในการสนทนากับผู้คน  ทุกครั้งที่ผมเล่าและพูดคุยถึงงานสำรวจที่ผมกำลังทำอยู่ให้คนอื่น ๆ ฟัง  และหลังจากนั้นจะติดตามมาด้วยคำถามที่ว่า
นักสำรวจถ้ำคือใคร” 
นักสำรวจถ้ำทำอะไร” 
นักสำรวจถ้ำ (Speleologist) คือ ผู้ที่มาจากหลากหลายสาขาอาชีพแต่ชอบในสิ่งเดียวกันคือชอบและรักการสำรวจถ้ำ  คนเหล่านี้ไม่ได้ดั้นด้นค้นหาความบันเทิงสนุกสนานเป็นหลักหากแต่พวกเขาทำงานเก็บรายละเอียดของถ้ำต่าง ๆ ทำแผนที่  ศึกษาความเปลี่ยนแปลงของถ้ำ  โครงสร้างทางธรณีวิทยา  อุทกวิทยาและนิเวศวิทยาภายในโลกใต้พิภพที่มืดมิดไร้แสงสว่าง  ไร้สิ่งนำทาง  ใช้ถ้ำเป็นสนามทดลองใต้พื้นพิภพทำความเข้าใจกับปรากฏการณ์ต่าง ๆ ของธรรมชาติในอดีตและปัจจุบัน
การทำงานสำรวจถ้ำเปรีบบเสมือนการเปิดพรมแดนการเรียนรู้ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติที่อยู่นอกเหนือจากความเข้าใจของคนเราในอดีต 
มันคือโลกที่ซ่อนตัวอยู่เงียบ ๆ ใต้ชั้นหินและพื้นดิน  โลกที่มีกฏเกณฑ์เฉพาะตัวที่เอื้อให้กับสิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะพิเศษที่สามารถวิวัฒนาการและปรับตัวให้อยู่ภายใต้กฏเกณฑ์ที่เคร่งครัดและภายใต้การถูกจำกัดโดยธรรมชาติ  ปัจจุบันนี้โลกใต้พิภพมิได้อยู่ไกลเกินความรู้และความเข้าใจของคนเราเหมือนในอดีต  ทุกวันนี้ถ้ำในทั่วทุกมุมโลกต่างเปิดเผยคุณค่าความสำคัญออกมาโดยนักสำรวจที่ทำงานศึกษาและทำความเข้าใจกับระบบกลไกธรรมชาติที่เปราะบางภายในถ้ำ

สัมผัสคุณค่าที่แท้จริง

ต้นฤดูหนาวปี  2537
หลังจากการสำรวจถ้ำครั้งแรกของผม  ผมสะดุดตากับหนังสือสารคดีเล่มหนึ่งหน้าปกเป็นรูปหินย้อยสีขาวมีลักษณะคล้ายผลึกรูปเข็มนับร้อย ๆ อันพุ่งออกมาจากหินย้อย ซึ่งเขียนขึ้นโดย จอห์น สปีส์  งานเขียนอันนั้นนับว่าเป็นแรงบันดาลใจของผม   และตั้งความหวังไว้ว่าต้องพาตัวเองไปพบกับเจ้าของงานเขียนนั้น 
เป็นโอกาสอันดีที่ผมจะต้องไปสำรวจถ้ำในกิ่ง อ. ปางมะผ้า เพื่อสำรวจเก็บข้อมูลให้กับจังหวัดแม่ฮ่องสอน  วันหนึ่งของการสำรวจถ้ำลอดได้มีฝรั่งคนหนึ่งโผล่หน้าเข้ามาในความมืด  และนั่งมองดูพวกเราทำงานในถ้ำ  เขาดูจะสนใจกล้องรังวัดที่ทำขึ้นเองง่าย ๆ จากไม้อัดและหลอดเล็งที่สร้างขึ้นจากแท่งปากกาลูกลื่นที่พวกเรานำมาด้วยซึ่งเรียกมันว่า กล้องหัตถกรรมไทย
เราเจอฝรั่งคนนี้อีกครั้งที่ปากถ้ำลอด แสงสว่างของปากถ้ำทำให้เราทราบว่าเรากำลังพูดคุยอยู่กับ  จอห์น  สปีส์
เดือนที่ผมทำงานที่ปางมะผ้า  คือช่วงเวลาที่ผมเก็บเกี่ยวประสบการณ์และความรู้เกี่ยวกับถ้ำอันมีมากมายไม่รู้จักหมดสิ้นจากจอห์น  เวลาที่อยู่ที่ปางมะผ้าถูกใช้ไปกับการเข้าสำรวจถ้ำตามคำบอกเล่าและแนะนำของจอห์น เริ่มจากถ้ำที่ง่าย ๆ ไปจนถึงยาก ๆ อย่างถ้ำแม่ละนา  บางครั้งผมไปขลุกอยู่ที่หมู่บ้านปางคาม  อยู่แถบชายแดนพม่า  ใช้เวลาเป็นอาทิตย์เพื่อสำรวจทำให้พบถ้ำใหม่ ๆ ที่ยังไม่มีการค้นพบและนำข้อมูลที่ได้มาคุยกับจอห์นเมื่อกลับออกมา   จากการพบเห็นถ้ำจำนวนมากในปางมะผ้าทั้งถ้ำที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์  เสื่อมโทรม  การกลับไปดูถ้ำที่สำคัญทุกปีในช่วงฤดูแล้ง  ทำให้ผมตระหนักว่าสิ่งที่มีคุณค่าเหล่านี้กำลังเสื่อมโทรมลงอย่างน่าใจหาย  จากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์  และไม่ทราบถึงคุณค่าที่แท้จริง 
นอกจากถ้ำจะมีคุณค่าทางการท่องเที่ยวที่เราพบเห็นจนชินตาจนบางครั้งเราแทบจะไม่คิดถึงคุณค่าทางด้านอื่น ๆ ทั้ง ๆ ที่หากเราศึกษาแล้วเรากลับพบคุณค่าของมันมากมาย 
ถ้ำเป็นแหล่งค้นคว้าที่สำคัญของศาสตร์ต่าง ๆ เช่น  ทางโบราณคดี  ในวัฒนธรรมดั้งเดิมของมนุษย์ในสมัยโบราณ  ถ้ำเป็นที่อยู่อาศัยและที่หลบภัยอย่างดี  เราจะพบหลักฐานทางโบราณคดี  เช่น  เครื่องมือหินกะเทาะ  เครื่องมือหินขัด  ภาชนะดิน  เครื่องมือโลหะ  เครื่องประดับ  กระดูกมนุษย์  เมล็ดพืช ฯลฯ  หลักฐานต่าง ๆ ที่อยู่ในถ้ำเหล่านี้จะสามารถบ่งบอกถึงความเป็นมาของคนโบราณในดินแดนแหลมทองและความรุ่งเรืองของวัฒนธรรมภูมิปัญญาของบรรพชนในอดีตได้ 
หินงอกหินย้อยในถ้ำที่นักท่องเที่ยวสนใจที่จะชื่นชมความงาม  กลับเป็นสิ่งหนึ่งที่สามารถบ่งบอกถึงการเปลี่ยงแปลงของบรรยากาศของโลกในอดีตย้อนหลังไปนับเป็นหมื่น ๆ ปี  โดยอาศัยเทคนิคการหาอายุโดยใช้คาร์บอน-14  ไม่เพียงแต่หินงอกหินย้อยเท่านั้นแม้แต่ตะกอนบางอย่างภายในถ้ำก็ยังสามารถประมาณอายุของถ้ำและปรากฏการณ์ของสิ่งแวดล้อมในอดีตได้ ดังเช่น  ถ้ำผาไท จังหวัดลำปาง  พวกเราได้พบตะกอนบนพื้นถ้ำ  สิ่งที่น่าสนใจก็คือชั้นตะกอนที่เราพบเป็นซากเถ้าถ่านของภูเขาไฟที่ได้ระเบิดเมื่อประมาณ  9.3  ล้านปีที่แล้ว นั่นก็หมายความว่า ถ้ำผาไทจะมีอายุมากกว่านั้น  และมีการระเบิดของภูเขาไฟในพื้นที่ใกล้เคียง
การศึกษาความสัมพันธ์ด้านระบบนิเวศในถ้ำเพื่ออนุรักษ์สิ่งมีชีวิตชนิดพิเศษที่หายากมีความสำคัญเช่นกัน  ระบบนิเวศในถ้ำแตกต่างออกไปจากระบบนิเวศภายนอก  เนื่องจากในห่วงโซ่อาหารภายนอกเริ่มต้นจากพืชที่สร้างอาหารจากการสังเคราะห์แสง  แต่ภายในถ้ำห่วงโซ่อาหารเริ่มจากขี้ค้างคาว และซากพืชซากสัตว์ที่ถูกน้ำพัดพาเข้ามาถูกย่อยสลายโดยแบคทีเรียและเชื้อราบางชนิดสิ่งเหล่านี้จะเป็นอาหารให้กับแมลงตัวเล็ก ๆ ที่อยู่ในดิน  แมลงเหล่านี้ก็จะเป็นอาหารให้กับแมลงใหญ่ชนิดอื่น ๆ พวกมันจะมีการกินต่อกันเป็นทอด ๆ   จำนวนประชากรของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้จะถูกจำกัดโดยอาหาร  และสภาพแวดล้อม  ประกอบกับสภาพแวดล้อมภายในถ้ำเป็นสภาพแวดล้อมที่ค่อนข้างอยู่นิ่งและคงที่  ยิ่งเข้าไปลึกสภาพแวดล้อมมีการเปลี่ยนแปลงน้อย  เช่น  อุณหภูมิ  ความชื้นสัมพัทธ์ ฯลฯ  ปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้จะเป็นปัจจัยจำกัดทำให้ระบบนิเวศภายในถ้ำเป็นระบบที่เฉพาะ  สิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ที่หลงเข้าไปจะค่อย ๆ วิวัฒนาการและปรับตัวให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ภายใต้สภาพแวดล้อมได้    ส่วนที่ไม่สามารถปรับตัวได้หรือไม่สามารถแข่งขันกับชนิดอื่น  ๆได้จะตายลง  สิ่งมีชีวิตเหล่านี้หากมีการหลงออกมาภายนอกหากโชคดีสามารถปรับตัวเข้ากับระบบนิเวศภายนอกได้จะเป็นการทดแทนหรือเพิ่มความหลากหลายของสายพันธุ์ตามธรรมชาติ  และความหลากหลายในระบบนิเวศ
การศึกษา  สำรวจ  จดบันทึกข้อมูลต่าง  ๆ ภายในถ้ำเป็นสิ่งที่สามารถใช้ติดตามการเปลี่ยนแปลงของถ้ำได้ เพราะนอกจากการสำรวจทำแผนที่ถ้ำทุกครั้งจะต้องมีการถ่ายภาพ  บันทึกข้อมูลอากาศ  ฯลฯ  สามารถใช้เปรียบเทียบติดตามผลการเปิดใช้ถ้ำได้อย่างดีที่สุด  ถ้ำแต่ละถ้ำมีลักษณะโดดเด่นและความสำคัญไม่เหมือนกันซึ่งจะส่งผลให้การตัดสินใจใช้ถ้ำต่างออกไปด้วย  ถ้ำที่มีสิ่งมีชีวิตชนิดพิเศษถ้าหากมีอยู่เพียงไม่กี่ถ้ำและมีจำนวนประชากรอยู่น้อย  ย่อมเป็นอันตรายอย่างมากหากถูกบุกรุกโดยการท่องเที่ยว
การสำรวจจะช่วยในการตัดสินใจว่าจะนำถ้ำนี้ออกมาใช้เพื่อการท่องเที่ยวหรือจะเก็บถ้ำนี้เอาไว้เพื่องานการศึกษาวิจัยเท่านั้น

การสำรวจ  บทเริ่มต้นของการวิจัย

ฤดูร้อนปี  2542
วันที่สองของการทำงานในสัปดาห์ที่  ของการสำรวจถ้ำในเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร  พวกเราตัดสินใจตั้งแคมป์อยู่กลางป่าเพื่อเดินทางเข้าสำรวจบริเวณผาฟ้าซึ่งเป็นภูเขาหินปูนที่เห็นตั้งตระหง่านอยู่กลางพื้นที่  คณะสำรวจประกอบด้วย  ดีน  สมาร์ท  หัวหน้าทีมสำรวจถ้ำ  ผู้เชื่ยวชาญจากประเทศอังกฤษ  เจ้าหน้าที่ป่าไม้  นักสำรวจจากโครงการ  ตามแผนการที่กำหนดขึ้นคร่าว ๆ พวกเราจะตั้งแคมป์สำรวจบริเวณผาฟ้าเป็นเวลา  วัน พื้นที่ตั้งแคมป์ที่พวกเราเลือกไม่ไกลจากทางสายหลักที่ใช้ในการส่งกำลังบำรุงและง่ายต่อการส่งเสบียงหรือขอความช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉิน
          จากแผนที่ธรณีวิทยาและแผนที่ภูมิประเทศ  ทุ่งใหญ่นเรศวรฯคือภูมิประเทศคาร์สต(Karst)ขนาดใหญ่อยู่ในภาคตะวันตกของประเทศไทยครอบคลุมจังหวัดตากและกาญจนบุรี พื้นที่นี้ยังไม่เคยมีคณะสำรวจใดเคยเข้าสำรวจมาก่อน  ในแผนที่ภูมิประเทศ  1  :  50,000 ของกรมแผนที่ทหาร  พื้นที่นี้ปรากฏแอ่งยุบ (Doline) กระจายอยู่เป็นจำนวนมาก  ดังนั้นการเข้าสำรวจย่อมมีโอกาสพบถ้ำเป็นจำนวนมาก  พวกเราเลือกที่จะเข้าสำรวจหลุมยุบที่มีพื้นที่ใหญ่และลึกเป็นอันดับแรก เพราะมั่นใจว่าน้ำทั้งหมดที่อยู่ในลุ่มน้ำจะไหลลงไปรวมกันและมุดหายลงไปใต้ดิน  ถ้าโชคดีอาจพบถ้ำที่มีขนาดใหญ่และยาวทะลุไปออกอีกฟากเขาได้
          การค้นหาถ้ำที่ใหญ่และยาวมาก ๆ มีความหมายต่อพวกเราเนื่องจากว่าถ้ำเหล่านี้ มีสภาพแวดล้อมที่สามารถเอื้อให้เกิดสิ่งมีชีวิตชนิดพิเศษ หรือสิ่งมีชีวิตที่เป็นชนิดพันธ์ใหม่ ๆ เพราะยิ่งลึกเข้าไปในถ้ำมาก ๆ สภาพแวดล้อมภายในจะมีการเปลี่ยนแปลงน้อย  ไม่มีแสงสว่างและที่สำคัญคือโอกาสที่สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นจะหลงทางวนเวียนอยู่ในความมืดจนปรับตัว  วิวัฒนาการ  เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมจนกลายเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดพิเศษย่อมมีมากขึ้นเป็นเงาตามตัว
          อุปสรรคในการทำงานอย่างแรกสุดที่เราเผชิญอยู่ก็คือ  การค้นหาปากถ้ำ  เพราะบางพื้นที่ยังไม่เคยมีเจ้าหน้าที่เคยเดินสำรวจมาก่อน ทุกอย่างจะต้องเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด  แหล่งข้อมูลที่ดีที่สุดที่สามารถใช้ได้ก็คือแผนที่ภูมิประเทศ  ทุก ๆ แห่งที่เราคาดว่าน่าจะมีถ้ำได้ถูกกำหนดขึ้น  ที่เหลือก็คือการเดินสำรวจเพื่อตรวจสอบพื้นที่ตามสมมุติฐานที่พวกเราตั้งขึ้นมา  การเดินทางจึงจำเป็นต้องใช้แผนที่ภูมิประเทศกับเครื่องหาตำแหน่งโดยใช้ดาวเทียม(GPS)เป็นหลัก  เพื่อตรวจสอบตำแหน่งและทิศทางการเดินไม่ให้ออกนอกเส้นทางที่วางเอาไว้
          อุปสรรคอย่างที่สองก็คือความรกทึบของป่า  พื้นที่บางส่วนเป็นหมู่บ้านและไร่เก่าของม้งที่อพยพออกไปเมื่อ  ปีที่แล้ว  ในปัจจุบันสภาพป่ากำลังเริ่มฟื้นตัว  ภายในทุ่งหญ้ามีลูกไม้เริ่มขึ้น  ป่าบางช่วงเป็นป่าเบญจพรรณ  และป่าดิบ  หลายครั้งเราจะต้องใช้การเปิดเส้นทางใหม่หรืออาศัยเส้นทางสัตว์อย่างเช่น  ช้างหรือกระทิงทำให้เดินสะดวกขึ้น 
          สองชั่วโมงแรกของการเดินพวกเราไปได้เพียงแค่  2-3  กิโลเมตรเท่านั้นจุดพักแรกดุจากแผนที่จะอยู่บนสันเขาด้านหน้าห่างไม่ถึง  กิโลเมตรเป็นจุดสูงที่สุดของหลุมยุบ  หลังจากนั้นเราจะตัดลงหุบเขาเพื่อเดินตามทางน้ำหลักเพื่อหาน้ำมุดในหุบเขา
          หลังจากที่พักกันจนหายเหนื่อยแล้ว  พวกเราเริ่มออกเดินตัดลงหุบเขา  มีดที่อยู่ข้างเอวของแต่ละคนถูกนำออกมาใช้เปิดเส้นทาง  ทางลงค่อนข้างชันพวกเราต้องระมัดระวังไม่ได้ลื่นไถลลงไปกองรวมกันอยู่ด้านล่าง  หลังจากตัดเส้นทางลงมาได้ไม่นานพวกเราพบด่านช้าง  แน่นอนที่สุดทางเดินของช้างย่อมพาเราลงไปหาแหล่งน้ำขนาดใหญ่  พวกเราเดินลัดเลาะตามด่านช้างลงไปเรื่อย ๆ จนพบน้ำซับที่ผุดออกมาจากใต้ดิน  เดินตามทางน้ำไปปริมาณน้ำมากขึ้นเรื่อย ๆ ผ่านห้วยแยกหลายที่แต่ก็ยังคงรักษาเส้นทางตามทางน้ำสายหลัก  ประมาณ  กิโลเมตรเราพบสิ่งที่ค้นหา   เป็นจุดสุดท้ายที่ลำห้วยทั้งสายไหลมุดลงใต้ดินบริเวณหน้าผาใหญ่พอดี  แต่ช่องทางที่น้ำมุดมีขนาดแคบมาก  กว่า  20  นาทีของความพยายามหาวิธีเข้าไปแต่ก็ไม่สัมฤทธิ์ผล
เมื่อก่อนตอนที่ระดับน้ำใต้ดินอยู่สูงกว่านี้  อาจจะมีช่องน้ำมุดอื่นที่อยู่ด้านบน พวกเราต้องแยกกันค้นหา“  ดีนเสนอความคิดขึ้นมา 
          ห่างจากจุดที่น้ำมุด  20  เมตรด้านซ้าย  เราพบช่องน้ำมุดเก่าที่ต่อเชื่อมกับถ้ำด้านล่าง  ทางลงเป็นเหวลึก 3-4  เมตรแต่ก็พอที่จะปีนลงไปสำรวจได้  คณะสำรวจใช้เวลาเตรียมอุปกรณ์ไม่นาน  ทีมถูกแบ่งออกเป็น  ชุด  ชุดหนึ่งทำการสำรวจโถงถ้ำที่พบ  อีกชุดเดินสำรวจตามหน้าผาเพื่อดูถ้ำแห้งหรือจุดน้ำมุดอื่นๆ เพราะจากการประเมินคร่าว ๆ บริเวณมีแหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์และพื้นที่ใกล้เคียงมีความลาดชันไม่มากสามารถทำการเกษตรได้   ถ้าโชคดีเราอาจพบหลักฐานทางโบราณคดีในถ้ำอื่นบริเวณนี้
          ดีน  ผู้ที่มีประสบการณ์การสำรวจถ้ำมากที่สุดในทีมเป็นคนนำเพราะเขาสงสัยว่าภายในถ้ำอาจจะมีอากาศไม่ดีหรือหมายถึงอาจจะมีจุดอับอากาศ  ที่มีก๊าซออกซิเจนอยู่น้อยมากจนอาจจะทำให้เกิดอันตรายอย่างใหญ่หลวงต่อทีมสำรวจได้  ตามปรกติแล้วในถ้ำที่ยากและอันตรายเราจะให้คนที่มีประสบการณ์มากที่สุดเป็นคนนำ  แต่ก็จะยกเว้นในบางกรณีถ้าทีมต้องการความสามารถพิเศษของสมาชิกคนใดคนหนึ่งในทีมในการนำสำรวจก็สามารถเปลี่ยนให้คนที่พร้อมที่สุดเป็นหัวหน้าทีมได้
หมวกนิรภัย  สนับเข่าและสนับศอกถูกขยับให้กระชับกับร่างกายพร้อมสำหรับการปีนลงไป เมื่อพวกเราลงไปถึงด้านล่างไฟฉายและตะเกียงแคลเซียมคาร์ไบด์ที่ศีรษะถูกจุดขึ้นเพื่อขับไล่ความมืด  ดีนจุดไฟแช็คในมือเพื่อเช็คอากาศ  ไม่มีปัญหาออกซิเจนมีพอที่จะหายใจ”  ผมนึกในใจ  พวกเรายังคงรู้สึกได้ถึงความอึดอัดเมื่อหายใจในสภาพอากาศที่มีสัดส่วนของออกซิเจนที่ต่ำกว่าปรกติ  แต่ดูเหมือนยิ่งเดินลึกเข้าไปพวกเรารู้สึกอึดอัดมากขึ้น  พร้อม ๆ กับเส้นทางยิ่งแคบและลึกลงไปเรื่อย ๆ   เครื่องวัดระดับคาร์บอนไดออกไซด์บอกค่าสัดส่วนของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศที่ระดับ  1.9  เปอร์เซ็นต์  แต่ไฟแช็คในมือบอกว่ายังสามารถเข้าไปต่อได้  โถงถ้ำตอนนี้ยิ่งแคบเข้ามาไม่ถึง  เมตรด้านหน้าคือแอ่งน้ำมีความกว้างประมาณ  1-1.5 เมตรน้ำทั้งหมดจะมุดลอดเข้าไปในโพรงใต้ดิน  นั่นหมายความว่าต่อจากนี้ไปเราไม่สามารถเข้าสำรวจได้อีก
อุปกรณ์สำรวจต่าง ๆ ถูกนำออกมาเพื่อใช้ทำแผนที่กลับออกไปยังปากถ้ำ  การสำรวจจะต้องใช้คนอย่างน้อย  คน   หนึ่งคนสำหรับการจดบันทึกข้อมูล  หนึ่งคนสำหรับอ่านเข็มทิศและเครื่องวัดมุมดิ่ง  สองคนสำหรับทำหมุดสำรวจและวัดระยะทาง
พวกเราทำการสำรวจโดยวาดแผนที่ถ้ำคร่าว ๆ กลับออกมาโดยใช้เข็มทิศ  เทปวัดระยะ  และเครื่องวัดมุมดิ่งเพื่อนำข้อมูลที่ได้นำเข้าคอมพิวเตอร์เพื่อคำนวน  ปรับแก้ความคลาดเคลื่อนและวาดภาพแผนผังของโถงถ้ำ  ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นทีมสำรวจที่สองได้ทำการสำรวจพื้นที่ในบริเวณใกล้เคียงได้พบโถงถ้ำบริเวณหน้าผา  ภายในถ้ำพบภาชนะดินเผาขึ้นรูปด้วยมือในสภาพสมบูรณ์  ใบและเศษหม้อดินที่แตกอยู่บนพื้นถ้ำ  พวกเราทำการจดบันทึกถ่ายภาพและวัดขนาดเพื่อทำหลักฐานไว้ก่อนกลับแคมป็ใหญ่
หลังจากที่พวกเราสาละวนกับการหุงหาอาหารและรับประทานอาหารเย็นแล้ว  ข้อมูลที่ได้จากการสำรวจวันนี้จะนำมาสรุปตรวจสอบ และนำเข้าคอมพิวเตอร์เพื่อวาดแผนที่ถ้ำคร่าว ๆ เพื่อป้องกันความผิดพลาดจากการสำรวจเผื่อมีบางอย่างผิดพลาด  ในวันรุ่งขึ้นจะได้กลับไปเก็บข้อมูลแก้ไขให้ถูกต้อง

ประสบการณ์ : หัวใจของการเอาตัวรอด  ความรู้ที่ไม่มีบันทึกในตำรา

ยิ่งดึกอากาศก็ยิ่งเย็น ทั้งที่ช่วงนี้เป็นเดือนเมษายน  อากาศที่เย็นเยียบไล่คณะสำรวจหลายคนลงจากเปลลงมาผิงไฟเพื่อขับไล่ความหนาวที่เข้าไปถึงกระดูก
กองไฟถูกเร่งฟืน เพื่อให้มีความร้อนพอให้ความอบอุ่นกับทุกคน  เสียงเก้งร้องอยู่ไม่ไกลจากแค้มป์คงลงกินโป่งที่ใดที่หนึ่งไม่ไกลจากนี่  เวลาดึกสงัดเอย่างนี้ราสามารถได้ยินเสียงต่างๆ  ในธรรมชาติได้อย่างชัดเจนบางครั้งจะได้ยินเสียงที่แว่วมาตามลมที่เราไม่รู้จักและไม่เคยได้ยินมาก่อน เสียงร้องที่เย็นเยียบเข้าไปถึงขั้วหัวใจ สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ขวัญอ่อนได้เหมือนกัน    ไม่นานนักบรรยากาศก็นำพาเรื่องราวต่าง ๆ เข้ามาสู่วงสนทนารอบกองไฟ
ถ้ำที่พวกเราไปพบในวันนี้ที่มีแอ่งน้ำอยู่ข้างใน  มันไปสุดอยู่แค่นั้นหรือครับหรือสามารถไปต่อได้”  อ๊อดดี้นักศึกษาฝึกงานถามขึ้น
ไม่หรอกผมคิดว่าโถงถ้ำจะต้องไปต่อได้แต่พวกเราอาจผ่านช่วงนั้นไปไม่ได้ ต้องมีเวลาในการสำรวจและอุปกรณ์มากกว่านี้ผมตอบ
ถ้ำที่เราพบหลาย ๆ ที่จะเป็นอย่างนี้ เมื่อเข้าไปสำรวจก็จะไปสุดที่แอ่งน้ำ ( Sump) เพราะว่าถ้ำส่วนใหญ่เกิดขึ้นภายใต้สภาพแวดล้อมที่ต่ำกว่าระดับน้ำใต้ดิน (Water Table) ภายในชั้นของหินปูนมีรอยแตกเป็นจำนวนมาก (Joint) น้ำที่รวมตัวกับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จะกลายเป็นกรดอ่อน ๆ  สามารถละลายหินปูนได้ดี  ช่วงที่มีน้ำเต็มโพรงถ้ำหินปูนปริเวณที่มีพื้นที่ผิวสัมผัสกับน้ำจะถูกละลายจนกลายเป็นโพรงกลมค่อย ๆ ขยายออกทุกทิศทุกทาง  เราเรียกถ้ำที่เกิดขึ้นใต้ระดับน้ำใต้ดินว่า “Phreactic cave”  ต่อมาภายหลังระดับน้ำใต้ดินลดระดับลงทำให้ภายในโพรงมีอากาศและน้ำอยู่ภายในเราเรียกว่า “Vados Cave” ระดับน้ำในถ้ำจะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดปี  หากเกิดการไหลกัดเซาะบริเวณพื้นและผนังถ้ำ  ทำให้ระดับพื้นถ้ำลดระดับลงมาเรื่อย ๆ ตามการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำใต้ดินรูปร่างของถ้ำจึงมีการพัฒนารูปแบบตามอัตราการกัดเซาะและการละลายร่วมกัน เกิดเป็นโพรงถ้ำที่มีรูปร่างเหมือนรูกุญแจ (Key Hole)“ ดีนอธิบายให้ฟังเพิ่มเติม  ทุกคนนั่งฟังอย่างสนใจ
เหมือนกับที่เราเคยไปสำรวจด้วยกันที่ทุ่งแสลงหลวงเมื่อประมาณเดือนเมษายน 2541 คุณจำได้หรือเปล่า? “
เป็นการสำรวจต่อจากคณะสำรวจนานาชาติโดยการนำของกรมป่าไม้เมื่อเดือนเมษายน 2540  ซึ่งมีพี่นพรัตน์  นาคสถิตย์ เป็นหัวหน้าทีมในการสำรวจ  ครั้งแรกไม่มีใครเคยนึกว่าถ้ำที่มีความยาวเป็นอันดับที่  ของประเทศไทยจะอยู่ที่นี่”  ผมพูดขึ้นต่อเพราะกลัวดีนจำไม่ได้
ใช่ ๆ ผมจำได้  ในการสำรวจครั้งแรกเราใช้ข้อมูลจากแผนที่ธรณีวิทยาบอกให้เรารู้ว่าพื้นที่ทางตะวันออกของทุ่งแสลงหลวงมีภูเขาหินปูนในยุคเพอร์เมียนกระจายอยู่ในพื้นที่ไม่มากนัก  จากการสำรวจครั้งนั้นพบถ้ำขนาดเล็กกระจายอยู่ทั่วไปมีความยาวไม่ถึง  กิโลเมตร  จนกระทั่งการสำรวจ  วันสุดท้ายคณะสำรวจได้ย้ายพื้นที่ไปบริเวณหน่วยพิทักษ์ป่าที่อยู่ทางเหนือของพื้นที่ไม่มีใครเคยล่วงรู้มาก่อนว่าถ้ำที่สำคัญที่สุดในประเทศไทยจะอยู่ที่นี่
  “จากครั้งแรกที่เห็นผมคิดว่าถ้ำนี้มีความยาวไม่เกิน  500  เมตรหรือ  1000  เมตรเท่านั้นเพราะโถงน้ำใหญ่ซ่อนตัวอยู่ด้านล่างโถงหินถล่มที่พวกเรายืนอยู่  เมื่อทำการสำรวจพบว่าด้านล่างโถงถ้ำกว้างมากและยิ่งลึกเข้าไปเรื่อย ๆ ตามทางน้ำสายหลัก  การสำรวจในปีแรกคณะสำรวจทำการสำรวจได้ระยะทางรวม  6,315.43  เมตรและลึกลงไปใต้ชั้นหิน  58.54  เมตร  เนื่องจากคณะสำรวจไม่มีเวลาพอจึงยุติการสำรวจไว้เพียงแค่นั้น”  ดีนพยายามนึกถึงการสำรวจเมื่อ  ปีที่แล้ว
แล้วตอนนี้ถ้ำนั้นสำรวจเสร็จหรือยังครับ”  แซก นักศึกษาฝึกงานอีกคนถามอย่างสนใจ
ถ้ำส่วนใหญ่ในโลกยังสำรวจไม่เสร็จหรอก นักสำรวจยังพบเส้นทางเชื่อมต่อกับเส้นทางอื่น ๆ ตลอดต้องใช้เวลาสำรวจและศึกษาหลายปี  ถ้ำนี้ก็เหมือนกันดีนอธิบายให้ฟัง
เราทำการสำรวจเพิ่มเติมอีกครั้งในปีถัดมา  ดีนกับผมได้เข้าทำการสำรวจต่อใช้เวลาประมาณ  วันเข้าไปจนสุดถ้ำบริเวณที่เป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่ปลายถ้ำและมีน้ำผุดขึ้นมา  จากการสำรวจครั้งนี้ทำให้รู้ว่าถ้ำมีความยาวทั้งสิ้น  12.10  กิโลเมตรแต่พวกเราคิดว่ายังสำรวจไม่หมดเพราะยังคงมีทางแยกอื่น ๆ อีกที่ไม่มีเวลาเข้าไปดู  รวมทั้งหลืบบนเพดานด้านบนด้วย” 
ตอนนั้นเราตื่นเต้นกันมากเพราะว่าหลังจากการสำรวจครั้งแรกเรารู้ว่าถ้ำนี้จัดอยู่ในอันดับที่  ถึง  ของถ้ำที่ยาวที่สุดในประเทศไทย เมื่อการสำรวจสิ้นสุดในแต่ละวันข้อมูลจะถูกนำเข้าคอมพิวเตอร์เพื่อคำนวนและวาดแผนที่ถ้ำ ช่วงเข้ากิโลเมตรที่  พวกเราลุ้นกันว่าถ้ำจะขึ้นอันดับที่สองของประเทศได้หรือเปล่าเพราะอันดับสองในตอนนั้นคือถ้ำน้ำลางซึ่งมีความยาว  8 กิโลเมตรกว่าแต่ในที่สุดถ้ำแห่งนี้ก็ขึ้นอันดับที่สองจนได้  ถ้ำนี้แพ้แม่ละนาไปเพียง  500  เมตรเท่านั้น  แต่ถ้านับรวมความยาวเฉพาะตามโถงทางน้ำหลัก  ถ้ำนี้ยาวเป็นอันดับที่  ของประเทศไทย”  ดีนเล่าความรู้สึกด้วยดวงตาที่เป็นประกาย เหมือนเพิ่งผ่านมาเมื่อวาน
สิ่งหนึ่งที่สร้างความประหลาดใจให้กับพวกเราคือโถงถ้ำที่พวกเรากำลังสำรวจมีรูปลักษณะเป็นทางน้ำโค้งตะหวัด(Meander) ที่เราจะสามารถพบเห็นได้ตามที่ราบน้ำท่วมถึงของแม่น้ำสายใหญ่ ๆ เท่านั้น  นั่นเป็นสิ่งยืนยันว่าถ้ำมีการพัฒนาที่ยาวนานจากการที่มีทางน้ำขนาดใหญ่ไหลผ่านมาก่อน   ความเร็ว  ความแรงและการกัดเซาะของน้ำทำให้เกิดโถงถ้ำดังที่เราพบในปัจจุบัน  นอกจากนั้นยังพบสิ่งมีชีวิตในถ้ำที่เป็นชนิดพันธ์ใหม่หลายชนิด ดีนเล่าให้ฟังต่อ
ถ้ำยาวมาก ๆ ขนาดนั้นแล้วเข้าไปสำรวจกันยังไงครับเจ้าหน้าที่ที่นั่งฟังถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
ไม่เดินกันแย่หรือครับกว่าจะเดินเข้าไปและกลับออกมาไม่ต่ำกว่า  15  กิโลเมตรเชียวนะครับแซกถามขึ้นมาบ้าง
ใช่เราเข้าใจถูกแล้วละ  การสำรวจในแต่ละวันจะเสียเวลาอย่างน้อยวันละ  2-3  ชั่วโมงก่อนการสำรวจต่อจากเดิม  ทำให้เราสำรวจในแต่ละวันได้เพียงวันละ  กิโลเมตรเท่านั้น การทำงานจะเริ่มตั้งแต่ 8.00 นและออกจากถ้ำประมาณ  20.00  . พวกเราจึงตัดสินใจเข้าไปตั้งแคมป์สำรวจในถ้ำช่วงกิโลเมตรที่  8-9  เพื่อตัดปัญหาการเสียเวลาจากการเดินทางเข้าออก  อุปกรณ์การสำรวจ  เครื่องนอนสัมภาระและเสบียงทุกอย่างถูกจัดเข้าถุงกันน้ำให้พร้อมกับการว่ายฝ่ากระแสน้ำเข้าไป”  ผมอธิบายให้ฟัง 
คุณรู้หรือเปล่าการนอนในถ้ำครั้งนั้นเป็นการนอนในถ้ำครั้งแรกในชีวิตของผมเลย ทุก ๆ อย่างรอบตัวเงียบจนได้ยินเสียงลมหายใจ  ความมืดที่เราอยู่เมื่อดับไฟฉายขนาดที่คุณลองเอามือมาไว้ตรงหน้าคุณจะมองไม่เห็นอะไร  มันเป็นความมืดที่คุณไม่สามารถอธิบายได้  ครั้งนั้นผมรู้สึกว่าชีวิตเรียบง่ายมาก  ธรรมชาติเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่โดยเราแค่เป็นส่วนเล็ก ๆ ของถ้ำนี้  สิทธิของคนคนหนึ่งเทียบเท่ากับปลาถ้ำหรือแมลงที่อยู่บนผนังถ้ำตัวหนึ่งเท่านั้นเอง”  ผมพยายามอธิบายความรู้สึกและประสบการณ์ที่ผมได้รับให้เพื่อนร่วมทีมฟัง
 “ผมก็ยังไม่เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับการนอนในถ้ำและการเดินถ้ำที่ลึก ๆ เลยเจ้าหน้าที่บางคนในทีมพูดขึ้นมาบ้าง
ไม่ต้องห่วงหรอก จากประสบการณ์ของผมคิดว่าในทุ่งใหญ่ฯ เราจะต้องพบถ้ำที่ยาว ๆ มาก ๆ แต่ตอนนี้เรายังหาทางเข้าไม่พบเท่านั้นเองดีนพูดเสริมขึ้นมา
ดีน  คุณมีประสบการณ์การสำรวจถ้ำมานานไหม ?” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งถามขึ้น
ผมสำรวจถ้ำมา 19  ปีแล้วเริ่มตั้งแต่ผมอายุ  13  ปีตั้งแต่ผมเป็นสมาชิกของชมรมถ้ำในเมืองที่ผมอยู่ที่อังกฤษ  และก็สำรวจมาตลอด
“ 19  ปี โอ้โฮ ! ผมเพิ่งเริ่มไม่ถึงปีเลย  แล้วคุณล่ะเจ้าหน้าที่หันมาถามทางผม
ผมสำรวจมาเกือบ  ปีแล้วผมตอบ
ช่วง  5-7  ปีที่แล้วเมืองไทยมีการสำรวจถ้ำอย่างนี้ด้วยหรือครับ”  อ๊อดถามขึ้นอย่างสงสัย
มีสิแต่ช่วงนั้นเรื่องถ้ำยังไม่ค่อยเป็นที่สนใจเท่าไหร่ การสำรวจก็ยังไม่ค่อยเป็นมาตราฐานและเป็นระบบเท่าไหร่  ช่วงที่ผมกำลังเรียนมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เมื่อ  ปีที่แล้ว  ผมมีโอกาสช่วยงานอาจารย์ในภาควิชาภูมิศาสตร์  ถ้ำที่ผมสำรวจถ้ำแรกคือ  ถ้ำลอดที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อจัดทำแผนการอนุรักษ์  ตอนนั้นผมยังไม่รู้จักอุปกรณ์การสำรวจอย่างนี้หรอก  กล้องสำรวจแบบง่าย ๆ ที่ทำด้วยไม้ซึ่งถูกทำขึ้นโดยรุ่นพี่ในภาควิชาโดยใช้หลักการของกล้องธีโอโดไลท์ซึ่งเป็นกล้องสำรวจทางวิศวกรรมมาดัดแปลง  หลังจากงานนั้นผมก็ได้รับหน้าที่การสำรวจทำแผนที่ถ้ำอื่น ๆ   เช่น  ถ้ำหลวงนางนอน  ฯลฯ  อุปกรณ์อื่น ๆ ที่พวกเราใช้เข้าถ้ำใช้เพียงไฟฉายติดศีรษะคนละ  อัน  รองเท้าผ้าใบ  เทปวัดระยะ  กล้องสำรวจที่ทำจากไม้  และตะเกียงเจ้าพายุเท่านั้น  ผมไม่รู้จักกฏเกณฑ์ของนักสำรวจถ้ำ  มีความรู้เพียงแค่ถ้ำเกิดขึ้นได้อย่างไร  หินงอกหินย้อยไม่กี่ชนิดตามตำราและเอกสารที่สามารถหาได้ในขณะนั้นซึ่งมีน้อยมาก  คงเป็นโชคดีของผมที่ถ้ำที่พวกเราสำรวจเป็นถ้ำท่องเที่ยวที่มีคนนำทางมีความยาวไม่มากและไม่ยากเกินไปนักจึงกลับออกมาได้อย่างปลอดภัย
หลังจากนั้นอีก  ปี  ผมได้มีโอกาสกลับมาสำรวจถ้ำในกิ่งอำเภอ.ปางมะผ้าอีกครั้งทำให้ผมรู้จักกับ  จอห์น  สปีส์  และครั้งนั้นเป็นการพบกันครั้งแรกของผมกับดีนด้วย แต่ผมก็ไม่ค่อยได้คุยกับดีนเท่าไหร่  เพราะดีนพูดภาษาไทยไม่ได้
และพี่ก็พูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยแข็งแรงแซกพูดแทรกขึ้นมาทันที
น้องพวกนี้ชอบดักคออยู่เรื่อย ๆเลย  แต่ตอนนี้ค่อยแข็งแรงขึ้นมานิดนึงแล้วผมแก้ตัวและเล่าความทรงจำเก่า ๆ ให้ฟังต่อ
ผมคิดว่าผมโชคดีมากที่ได้มารู้จักกับคนที่เก่งเรื่องถ้ำในประเทศไทยทั้ง  คน  ถ้าจะเปรียบ  จอห์น  เป็นครูคนแรกที่ให้ประสบการณ์การสำรวจถ้ำกับผม  ดีนก็เหมือนกับเป็นครูคนที่สองและเพื่อนสนิทที่รักการสำรวจถ้ำเหมือนกัน  สำหรับดีนเรามาพบกันอีกครั้งที่กรุงเทพฯขณะที่เขาเป็นอาสาสมัครทำงานเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องถ้ำให้กับกรมป่าไม้  ช่วง  ปีที่ผ่านมาเราไปสำรวจด้วยกันหลายแห่งทำให้ผมเรียนรู้เรื่องถ้ำอย่างเป็นระบบ  ประสบการณ์ในการทำงานสำรวจถ้ำมีมากขึ้นเรื่อย ๆ
ครั้งแรกที่ผมเจอคุณ  และรู้ว่าคุณสนใจเข้าถ้ำแม่ละนา  สิ่งแรกที่ผมคิดคืออะไรรู้หรือเปล่าดีนถามขึ้นมา
คุณคงแปลกใจและกลัวว่าผมจะเป็นอันตรายใช่ไหม คงเหมือนกับที่ผมรู้สึกอยู่ตอนนี้กับผู้ร่วมทีมคนอื่น ๆ ผมตอบ
ใช่คุณเข้าใจถูกแล้ว  นักสำรวจถ้ำที่มีประสบการณ์ทุกคนรู้ดีว่า ในการสำรวจถ้ำใหม่ ๆ ที่ยังไม่เคยมีคนเหยียบย่างเข้าไปนั้นอันตรายมาก  ประสบการณ์จะเป็นสิ่งที่ทำให้นักสำรวจถ้ำรับรู้ถึงอันตรายนั้น ๆ ถ้ำแม่ละนาเป็นถ้ำที่อันตราย  บางช่วงเส้นทางซับซ้อนและต้องว่ายน้ำ ถ้าได้คนที่มีประสบการณ์นำทางจะไม่มีปัญหาแต่สำหรับคุณช่วงนั้นคุณยังไม่รู้จักถ้ำดีพอ การสำรวจหรือเข้าไปเที่ยวก็ตาม มีโอกาสเกิดอันตรายได้ง่ายมาก”  ดีนพูดขึ้นอย่างเป็นห่วง 

5 ความคิดเห็น:

  1. ชอบมากเลยค่ะ ต้องมีกลุ่มอย่างพวกคุณนี่แหละ เราถึงได้ดูในสิ่ง ที่พวกเราไปไม่ถึง ขอบคุณมากที่มีสิ่งดีๆ ให้ดู

    ตอบลบ
  2. พี่เรียนจบคณะอะไรมาครับ ผมอยากทำงานแบบพวกพี่อ่ะครับ แนะแนวหน่อย ขอบคุณครับ

    ตอบลบ
  3. ถ้ำที่ซ้อนกันหลายๆชั้นเกิดขึ้นได้อย่างไรครับ

    ตอบลบ
  4. พี่เคยเที่ยวเขาลูกเดียวแต่เจอถ้ำถึง 10 ลูกมั้ยครับ

    ตอบลบ

ทุกความคิดเห็นของท่านจะถูกนำไปใช้ในการปรับปรุง web ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น